ประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก จึงได้จัดทำประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยขอแนะนำให้สมาชิกทำความเข้าใจประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากเป็นการแจ้งให้สมาชิกทราบถึงวิธีการที่การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานครปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก เช่น การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของสมาชิกในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. ประกาศนี้ใช้กับบุคคลดังต่อไปนี้
สมาชิก/ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิก/ผู้ใช้บริการของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
2. ความหมาย
“ก.ฌ. กทม.” หมายถึง การฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
“สมาชิก” หมายถึง สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร และ/หรือผู้ยื่นคำร้อง ขอสมัครเป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
“ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิก” หมายถึง ผู้รับเงินสงเคราะห์ของสมาชิก คู่สมรส ผู้แทน ตัวแทน หรือผู้รับมอบอำนาจของสมาชิก ทั้งนี้ ยังรวมถึงบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินงานของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง สมาชิก
“ข้อมูลส่วนบุคคล” (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุ ตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” (Sensitive Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัว โดยแท้ของบุคคลที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ แต่ไม่จำกัดถึง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ซึ่ง ก.ฌ. กทม. จะเก็บรวบรวมใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อ ก.ฌ. กทม. ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่ ก.ฌ. กทม. มีความจำเป็นตามที่กฎหมายอนุญาตไว้เท่านั้น
“การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ ของ ก.ฌ. กทม. ต่อข้อมูลส่วนบุคคลของ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการลบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
3. ข้อมูลที่เก็บรวบรวม
ก.ฌ. กทม. จะเป็นผู้จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก ตามรายละเอียดข้อมูลด้านล่างนี้ ทั้งนี้ หากสมาชิกไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบให้ ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขการสมัครหรือเข้าเป็นสมาชิกของก.ฌ. กทม. และ/หรือ กฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องได้ โดยมีรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้านาม ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด อายุ เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ ตำแหน่ง หน่วยงาน หมายเลขโทรศัพท์ เลขบำนาญ ข้อมูลคู่สมรส ข้อมูลผู้รับเงินสงเคราะห์ เป็นต้น
- ข้อมูลคู่สมรส เช่น คำนำหน้านาม ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
- ข้อมูลผู้รับเงินสงเคราะห์ เช่น คำนำหน้านาม ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน
หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
- ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีธนาคาร สาขา เป็นต้น
- ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตนและยืนยันตัวตน เช่น ลายมือชื่อ เลขประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพตามที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ ลายพิมพ์นิ้วมือ ศาสนาตามบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารระหว่างสมาชิกกับ ก.ฌ. กทม. ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีใด ๆ ก็ตามรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง โทรศัพท์ อีเมล และการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์
ข้อมูลที่สมาชิกให้ไว้กับก.ฌ. กทม. ไม่ว่าผ่านช่องทางใด ๆ
4. ฐานทางกฎหมาย
ก.ฌ. กทม. มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลข้างต้น โดยฐานทางกฎหมายที่
ก.ฌ. กทม. ใช้เป็นหลัก ได้แก่ เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้นหรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหากสมาชิกไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว ก.ฌ. กทม. อาจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินการตามที่สมาชิกร้องขอได้
5. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
ก.ฌ. กทม. อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกจากช่องทาง ดังต่อไปนี้
5.1 การเก็บข้อมูลจากสมาชิกโดยตรง
- การสมัคร และการยื่นคำขอต่าง ๆ กับ ก.ฌ. กทม.
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่สมาชิกได้ให้กับ ก.ฌ. กทม. ผ่านเจ้าหน้าที่ของก.ฌ. กทม. หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอพพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ หรือเว็บไซต์ของ ก.ฌ. กทม. เป็นต้น
- ข้อมูลที่สมาชิกได้ให้กับ ก.ฌ. กทม. ก่อนหรือในขณะที่สมาชิกจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกกับ ก.ฌ. กทม.
5.2 ก.ฌ. กทม. อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากสมาชิกโดยตรง ซึ่งแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกโดยชอบด้วยกฎหมาย
ในกรณีที่สมาชิกได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่ก.ฌ. กทม. ในการดำเนินการเกี่ยวกับ ก.ฌ. กทม. หรือในกรณีอื่นใด สมาชิกจะต้องแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิตามประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ด้วย
6. วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย
- เพื่อการสมัครเป็นสมาชิก
- เพื่อให้บริการสมาชิกหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการของก.ฌ. กทม.
- เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการมีประสิทธิภาพ
- เพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้งหรือการติดตาม ทวงถาม การชำระเงินสงเคราะห์ เช่น การส่งหนังสือแจ้งข้อมูล การแจ้งเตือนให้ชำระเงินสงเคราะห์ เป็นต้น
- เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันการทุจริต
- เพื่อแจ้งและนำเสนอ ข้อมูล ข่าวสาร ผ่านทางโทรศัพท์ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอพพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ หรือเว็บไซต์ของ ก.ฌ. กทม. เป็นต้น
- เพื่อดำเนินการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของสมาชิก สำหรับเข้าใช้บริการ
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และ/หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของ
ก.ฌ. กทม.
- เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เพื่อสอบถาม ประเมิน ความต้องการและความพึงพอใจของสมาชิก
- เพื่อการแจ้งข้อมูล ข่าวสาร ให้แก่หน่วยงาน
7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
ก.ฌ. กทม. จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่เป็น การเปิดเผยเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดย ก.ฌ. กทม. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกให้บุคคลอื่น เช่น
- ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน เช่น ธนาคาร
- ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี และจัดทำโปรแกรมหรือระบบไอทีต่าง ๆ
- หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกัน การทุจริต
- หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมและกำกับดูแลตามกฎหมาย
- หน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่ปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมาย หน่วยงานตรวจสอบ หรือกระบวนการทางกฎหมาย/การฟ้องร้อง
- บุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้ ก.ฌ. กทม. สามารถดำเนินการและให้บริการแก่สมาชิก รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
8. การขอความยินยอม
ก.ฌ. กทม. อาจขอความยินยอมจากสมาชิกในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
8.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกรณีที่มี ความจำเป็นเพื่อการใช้หรือให้บริการของ ก.ฌ. กทม. หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์หรือยืนยันตัวตนของสมาชิก ซึ่งหาก ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ ก.ฌ. กทม. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง จากสมาชิก เป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
8.2 การดำเนินการและการบริการ ข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่สมาชิก ซึ่งหาก ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ ก.ฌ. กทม. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากสมาชิก เป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
8.3 หาก ก.ฌ. กทม. ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่ง ก.ฌ. กทม. จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจ กระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือการใด ๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) ก.ฌ. กทม. จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่มีอำนาจตามกฎหมาย หาก ก.ฌ. กทม. ทราบว่า ก.ฌ. กทม. ได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้เยาว์ที่อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ ก.ฌ. กทม. จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่มีฐานทางกฎหมายกำหนดให้ ก.ฌ. กทม. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent)
เมื่อสมาชิกให้ความยินยอมกับ ก.ฌ. กทม. เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะแล้ว
มีสิทธิขอถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมายหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่สมาชิก ทั้งนี้ การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของสมาชิก สมาชิกสามารถสอบถามถึงผลกระทบต่อการใช้สิทธิดังกล่าว หากการถอนความยินยอมของสมาชิกทำให้ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถดำเนินการหรือให้บริการบางอย่างให้แก่สมาชิกได้ ก.ฌ. กทม. จะแจ้งให้ทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของสมาชิกจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
9.2 สิทธิการได้รับแจ้งข้อมูล (right to be informed)
สมาชิกได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ
9.3 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access)
สมาชิกมีสิทธิขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ฌ. กทม. กำหนด หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ก.ฌ. กทม. อาจปฏิเสธคำขอของสมาชิกได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของสมาชิกจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิด ความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
9.4 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification)
สมาชิกมีสิทธิขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของสมาชิกเป็นปัจจุบันได้
9.5 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure)
สมาชิกมีสิทธิขอให้ ก.ฌ. กทม. ลบหรือทำลายข้อมูลของสมาชิก หรือทำให้ข้อมูลของสมาชิกเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของสมาชิกได้ เว้นแต่กรณีที่ ก.ฌ. กทม. มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของสมาชิก
9.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability)
สมาชิกมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก ในกรณีที่ ก.ฌ. กทม. ในกรณีที่ ก.ฌ. กทม. ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอให้ ก.ฌ. กทม. ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ ก.ฌ. กทม. ได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือโดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือก.ฌ. กทม. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอของสมาชิกโดยชอบด้วยกฎหมาย
9.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object)
สมาชิกมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกได้ ซึ่งการใช้สิทธิคัดค้านของสมาชิกอาจทำให้ ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถให้บริการแก่สมาชิกได้
อย่างไรก็ดี หากสมาชิกยื่นคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเป็นไปเพื่อภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะ ก.ฌ. กทม. อาจจะยังคงเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยต่อไป หากก.ฌ. กทม. แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย ที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้ง สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ก.ฌ. กทม. อาจปฏิเสธคำขอของสมาชิกได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของสมาชิกจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
9.8 สิทธิขอระงับการใช้ข้อมูล (right to restrict processing)
สมาชิกมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่ ก.ฌ. กทม. อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของสมาชิก หรือกรณีอื่นใดที่ ก.ฌ. กทม. หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกสามารถขอใช้สิทธิของสมาชิกภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต โดยยื่นคำร้องเป็นหนังสือตามช่องทางการติดต่อของ ก.ฌ. กทม. ซึ่ง ก.ฌ. กทม. จะขอให้สมาชิกแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าสมาชิกเป็นเจ้าของข้อมูลจริง และ ก.ฌ. กทม. จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการหรือชี้แจงภายใน 30 วัน หรือไม่เกินตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ในบางกรณี ก.ฌ. กทม. อาจปฏิเสธการใช้สิทธิตามเหตุผลที่ได้แจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ สมาชิกสามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากสมาชิกไม่เห็นด้วยกับเหตุผลตามที่ ก.ฌ. กทม. ชี้แจง
ในกรณีที่สมาชิกขอให้ ก.ฌ. กทม. ลบ ทำลาย กำจัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคล ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวตนของสมาชิกได้ หรือการขอถอนความยินยอม ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับ ก.ฌ. กทม. ในการดำเนินการตามสัญญาหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าว ก.ฌ. กทม. อาจขอสงวนสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามความประสงค์ของสมาชิก หรืออาจมีการคิดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่สมาชิกร้องขอ
ก.ฌ. กทม. อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามแต่กรณีหากพบว่าคำขอของสมาชิกไม่มีมูล หรือมีจำนวนมากเกินจำเป็น และก.ฌ. กทม. อาจปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิที่ไม่สุจริต ไม่สมเหตุสมผล ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง หรืออาจปฏิเสธคำร้องขอของสมาชิกตามหลักเกณฑ์อื่นใดที่กฎหมายกำหนด
10. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ก.ฌ. กทม. มีการใช้มาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ซึ่งรวมถึงมาตรการป้องกันด้านบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันด้านกายภาพ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายและได้จำกัดการเข้าใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพียงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่ ก.ฌ. กทม. ได้รับมา เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์
เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของสมาชิกได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ ก.ฌ. กทม. จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
11. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
11.1 ก.ฌ. กทม. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ตามประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่ใช้บังคับระหว่างสมาชิกกับ ก.ฌ. กทม. เว้นแต่เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับ ก.ฌ. กทม. หรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานภายในของ ก.ฌ. กทม. หรือเพื่อดำเนินการ
ตามข้อเรียกร้องทางกฎหมายหรือกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลร้องขอ ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บรักษาไว้ต่อไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล แต่ละประเภท
11.2 ก.ฌ. กทม. จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บหรือ ก.ฌ. กทม. ไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกแล้ว
12. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของ ก.ฌ. กทม. และการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.ฌ. กทม. เท่านั้น หากสมาชิกได้เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของ ก.ฌ. กทม. ก็ตาม สมาชิกจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้น ๆ แยกต่างหากจากของ ก.ฌ. กทม.
13. ในกรณีที่สมาชิกปฏิเสธไม่ให้เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ก.ฌ. กทม. มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายหรือเพื่อการเข้าทำสัญญาระหว่างสมาชิกกับ ก.ฌ. กทม. หากสมาชิกประสงค์ที่จะไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกกับก.ฌ. กทม. อาจส่งผลให้ ก.ฌ. กทม. ไม่สามารถให้บริการแก่สมาชิกได้ในกรณีที่ ก.ฌ. กทม. ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และการปฏิบัติตามกฎหมาย
หากสมาชิกไม่ยินยอมให้ ก.ฌ. กทม. ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล สมาชิกยังคงสามารถใช้บริการของ ก.ฌ. กทม. ได้ ซึ่งอาจทำให้สมาชิกได้รับความสะดวกจากการใช้บริการน้อยลง เนื่องจาก ก.ฌ. กทม. ไม่ได้รับความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
14. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
ก.ฌ. กทม. มีสิทธิในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ ก.ฌ. กทม. ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่สมาชิกเคยให้ความยินยอมไว้แก่ ก.ฌ. กทม. เพื่อการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หากสมาชิกไม่ประสงค์ ที่จะให้ ก.ฌ. กทม. เก็บรวบรวมข้อมูลและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป สมาชิกสามารถแจ้งความประสงค์ต่อ ก.ฌ. กทม. เพื่อขอถอนความยินยอมทั้งหมด หรือแต่เพียงบางส่วนเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ ก.ฌ. กทม. ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำขอถอนความยินยอมทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วนของสมาชิกและดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
15. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ก.ฌ. กทม. อาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคตเพื่อพัฒนาให้เกิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ก.ฌ. กทม. จะทำการแจ้งให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของ ก.ฌ.กทม. www.chapanakit.bangkok.go.th
16. ช่องทางการติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัย ข้อคิดเห็น และ/หรือคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ประกาศฯ นี้
โปรดติดต่อ ก.ฌ. กทม. ที่
สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์กรุงเทพมหานคร
ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชั้น 4
ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
หมายเลขโทรศัพท์ 0 2224 3001
ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ